วิธีขอสินเชื่อ OD ให้ผ่านง่ายที่สุด

5 วันที่แล้ว

ใช้เวลาอ่าน 2 นาที

สินเชื่อ OD (Overdraft) หรือ วงเงินเบิกเกินบัญชี กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ เพราะช่วยให้ธุรกิจหมุนเงินได้ต่อเนื่อง แม้รายรับ–รายจ่ายจะไม่ตรงกัน โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้เงินหมุนเร็ว เช่น ขายออนไลน์ ร้านค้า SME ผู้รับเหมา และกิจการที่มีรอบจ่ายถี่

แต่ปัญหาที่หลายคนเจอคือ❌ ยื่นแล้วไม่ผ่าน❌ เอกสารไม่ครบ❌ รายได้พิสูจน์ไม่ได้❌ วงเงินขอไม่เหมาะสม❌ บัญชีไม่สวย

⭐ สารบัญ

สินเชื่อ OD คืออะไร? เหมาะกับใคร
เกณฑ์ที่ธนาคารใช้พิจารณา OD
วิธีขอสินเชื่อ OD ให้ผ่านง่ายที่สุด (10 ขั้นตอนสำคัญ)
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นวงเงิน OD
เคล็ดลับพิเศษแบบ Mastercash ให้ผ่านไวกว่าเดิม
สรุปภาพรวมการขอวงเงิน OD แบบมืออาชีพ

⭐ สินเชื่อ OD คืออะไร?

สินเชื่อ OD (Overdraft) คือวงเงินที่ธนาคารให้คุณใช้เงิน เกินยอดเงินในบัญชี ได้ตามวงเงินที่อนุมัติ เช่น

วงเงิน 300,000 บาท → ใช้ได้ถึง -300,000 บาท
ใช้เท่าไหร่ เสียดอกเท่านั้น
เงินเข้าบัญชีเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยลดทันที

ข้อดีของ OD ที่เหนือกว่าสินเชื่อแบบอื่นคือ✔ ใช้เฉพาะวันที่จำเป็น✔ ดอกเบี้ยไม่วิ่งทั้งก้อน✔ เหมาะกับธุรกิจที่ต้อง “หมุนเงิน” ทุกวัน✔ ยืดหยุ่นที่สุดในบรรดาสินเชื่อธุรกิจ

⭐ เกณฑ์ที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติ OD

เพื่อให้ “ผ่านง่ายที่สุด” คุณต้องเข้าใจมุมมองของธนาคาร

ธนาคารจะดู 5 อย่างหลักๆ ดังนี้:

✔ 1. รายได้เข้าออกสม่ำเสมอไหม?

ต้องเห็นการหมุนเวียนเงินในบัญชีอย่างต่อเนื่อง

✔ 2. ธุรกิจมีความชัดเจนหรือไม่?

มีหลักฐานรายได้ เช่น ยอดขายออนไลน์ สัญญาลูกค้า ใบกำกับ หรือ statement

✔ 3. ความสามารถในการชำระคืน

ดูกระแสเงินสดว่าเพียงพอหรือไม่

✔ 4. ประวัติสินเชื่อ

เคยค้างชำระไหม? ติดบูโรไหม?

✔ 5. การจัดการบัญชี

เงินเข้า–ออกสมเหตุสมผลหรือไม่?

เข้าใจ 5 ข้อนี้ = เตรียมเอกสารได้ถูกจุด

🔵 1. ใช้บัญชีเดียวรับรายได้ทั้งหมด 2–3 เดือนก่อนยื่น

ธนาคารจะไว้วางใจ “บัญชีที่มีเงินหมุนจริง”ควรเอาทุกยอดขายเข้าบัญชีเดียวเพื่อให้ statement สวยที่สุด

🔵 2. Statement ต้องชัดเจน 6 เดือนขึ้นไป

สิ่งที่ธนาคารดูใน statement:

เงินเข้าทุกวัน/สัปดาห์
รายได้ไม่นิ่งจนเกินไป
ไม่มีลบเกินจำเป็น
ไม่ค้างรายจ่าย

Statement ดี = อนุมัติไว 🔥

🔵 3. เตรียมเอกสารรายได้ให้แน่นที่สุด

ยิ่งมีหลักฐานมาก ธนาคารยิ่งเชื่อถือ

สำหรับร้านค้า / ขายออนไลน์

✔ ยอดขาย Shopee✔ ยอดขาย TikTok Shop✔ ยอดขาย Lazada✔ สลิปยอดโอนลูกค้า✔ รูปสินค้าหรือร้าน

สำหรับนิติบุคคล

✔ งบการเงิน✔ รายงานภาษี✔ Statement บริษัท✔ หนังสือรับรองบริษัท

🔵 4. บัญชีต้องไม่นิ่งจนเกินไป

บัญชีว่าง ไม่มีเงินเข้า = ไม่ผ่านให้เน้น “บัญชีที่ใช้ทำธุรกิจจริง”

🔵 5. เคลียร์ประวัติค้างชำระก่อนยื่น

ถ้ามีค้างชำระหรือมีประวัติเสีย ต้องปิดก่อนเพราะธนาคาร “ไม่อนุมัติทันทีแน่นอน”

🔵 6. เลือกวงเงินให้เหมาะกับรายได้

ตัวอย่าง:

รายได้ 150,000–300,000 บาท/เดือน → ขอ 100,000–200,000
รายได้ 300,000–600,000 บาท/เดือน → ขอ 200,000–400,000
รายได้ 1,000,000+/เดือน → ขอ 500,000–1,000,000

“วงเงินสมเหตุสมผล = อนุมัติง่ายที่สุด”

🔵 7. เข้าใจว่าธนาคารให้ OD เพราะ “เงินหมุน”

ธนาคารต้องรู้ว่า✔ คุณใช้ OD ทำอะไร✔ ใช้แล้วคืนได้ไหม✔ ใช้เพื่อสร้างรายได้จริงไหม

ตัวอย่างคำตอบที่ธนาคารชอบ:

“ใช้ OD เพื่อซื้อสินค้าและเติมโฆษณา ทำให้หมุนรอบการขายได้เร็วขึ้นภายใน 7 วัน”

🔵 8. รวมรายได้ออนไลน์ให้เห็นภาพ

ธุรกิจออนไลน์ต้องมี:✔ ยอดขายย้อนหลัง✔ รูปคลังสินค้า✔ แชทลูกค้า✔ Link shop✔ สรุปยอดรายเดือน

สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ “ผ่านง่ายกว่าเจ้าของธุรกิจอื่น 2 เท่า”

🔵 9. แสดงโฟลว์เงินของธุรกิจ (Cash Flow)

ถ้าคุณมีเอกสารนี้ ธนาคารชอบมาก เพราะเห็นชัดเจนว่า

เงินมาจากไหน
เงินไปไหน
คืน OD ยังไง

🔵 10. ใช้ธนาคารที่คุณมี movement อยู่แล้ว

ธนาคารให้วงเงิน OD ง่ายกว่าเมื่อคุณเป็นลูกค้าเก่าที่✔ มีเงินเข้า✔ ใช้งานบัญชีจริง✔ มีประวัติที่ดี

ยิ่งเป็น “ลูกค้าประจำ” → ยิ่งอนุมัติเร็ว

⭐ เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อ OD (อัปเดตล่าสุด)

📌 บุคคลธรรมดา

✔ สำเนาบัตรประชาชน✔ สำเนาทะเบียนบ้าน✔ Statement 6 เดือน✔ หลักฐานรายได้ (slip / ยอดแพลตฟอร์ม)✔ รูปกิจการ✔ รายละเอียดการใช้ OD

📌 นิติบุคคล

✔ หนังสือรับรอง✔ ภพ.30 / ภงด.✔ งบการเงิน✔ รายงานยอดขาย✔ Statement บริษัท

⭐ เคล็ดลับพิเศษแบบ Mastercash

✔ เคล็ดลับ 1: รวมยอดขายเข้าบัญชีเดียว 60 วันก่อนยื่น

เพิ่มโอกาสผ่านทันที

✔ เคล็ดลับ 2: สร้างรายงานยอดขายรายเดือน

ธนาคารชอบเอกสารที่เห็นการเติบโต

✔ เคล็ดลับ 3: อธิบายให้ชัดว่าใช้ OD เพื่อ “ทำเงิน”